Mido ฉลอง 100 ปี แห่งความสำเร็จ สร้างสรรค์ประดิษฐกรรมแห่งเวลา 4 ดีไซน์ระดับตำนาน

Mido ฉลอง 100 ปี แห่งความสำเร็จ สร้างสรรค์ประดิษฐกรรมแห่งเวลา 4 ดีไซน์ระดับตำนาน

สำหรับผู้ชายแล้วการสวมใส่นาฬิกานอกจากจะใช้บ่งบอกเวลายังสามารถใช้เป็นเครื่องประดับเพื่อแสดงถึงคาแรคเตอร์ รสนิยม ซึ่ง ‘มิโด’ (Mido) แบรนด์นาฬิกาในเครือ สวอทช์ กรุ๊ป (Swatch Group) ก็นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้การยอมรับถึงความสวยงามของดีไซน์ และคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss Made ส่งผลให้นาฬิกาของ ‘มิโด’ (Mido) ถูกเลือกให้เป็นสิ่งสะท้อนตัวตนจากเหล่าคนรักนาฬิกาทั่วทุกมุมโลกในทุกยุคสมัย ต่อเนื่องยาวนานเป็นระยะเวลา 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท Mido G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918

 

 



และปี ค.ศ.2018 ในวาระครบรอบ 100 ปีนี้ แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ มิโด’ (Mido) ได้นำรุ่นนาฬิกาที่เป็นไอคอนกลับมาเผยโฉมอีกครั้ง ซึ่งยังคงงานดีไซน์หรูหราเหนือกาลเวลาตามแบบฉบับของแบรนด์เอาไว้ พร้อมผนวกเข้ากับนวัตกรรมการผลิตแบบใหม่ซึ่งจะทำให้นาฬิกามีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Caliber 80 Chronometer Silicon ที่ยกระดับกลไกสำคัญสูงสุดของคาลิเบอร์ 80 ด้วยซิลิคอนบาลานซ์สปริง ซึ่งนอกจากคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็กแล้ว ส่วนประกอบนี้ยังช่วยเพิ่มความเที่ยงตรงในระยะยาวที่มากยิ่งกว่าบาลานซ์สปริงแบบมาตรฐาน รวมถึงระบบกันกระแทกที่ดีกว่า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการประดิษฐ์เรือนเวลาหรู

 

 



โดยนาฬิกา 4 ดีไซน์ระดับตำนานที่ได้ถูกนำมาอวดโฉมให้ได้ชมในครั้งนี้ เริ่มจาก คอมมานเดอร์ บิ๊ก เดท (Commander Big Date) นาฬิกาออโตเมติกอันสง่างามที่ยังคงงานดีไซน์ตามแบบฉบับของรุ่นคอมมานเดอร์ไม่เสื่อมคลาย ด้วยหน้าปัดขนาดใหญ่ ที่มีจุดบอกเวลาเป็นตัวเลขแบบขีด และมีช่องบอกวันที่ตรงบริเวณเลข 6 ของหน้าปัด ผลิตโดยช่างทำนาฬิกาชั้นสูงที่ผสานกลไกทรงประสิทธิภาพด้วยพลังงานสำรองยาวนานกว่า 80 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับกลไกนาฬิกามาตรฐานทั่วไปที่มีระยะเวลาเพียง 42 ชั่วโมง

 

 



รุ่นถัดมา มัลติฟอร์ท เดย์โทมิเตอร์ (Multifort Datometer) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาสไตล์วินเทจ ซึ่งเผยโฉมครั้งแรกในปี ค.ศ.1939 ที่มีลักษณะเฉพาะคือเข็มบอกวันที่ โดยครั้งนี้ได้นำกลับมาปรับโฉมอีกครั้งในรุ่นลิมิเต็ด พร้อมเส้นผ่านศูนย์กลางหน้าปัดขนาด 40 มม. เผยความหรูหรา ผสานความคลาสสิคในโทนสีอบอุ่นเพื่อสื่อถึงรสนิยมยุคใหม่ที่จะยังคงไม่ล้าสมัยแม้เวลาจะผ่านไปอีก 100 ปี

 

 



ต่อมาที่รุ่น คอมมานเดอร์ เฉด (Commander Shade) แรงบันดาลใจอยย่างอิสระจากรุ่นนาฬิกามิโดในช่วงปี ค.ศ. 1970  ด้วยการนำหน้าปัดเรืองแสงมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งในเวอร์ชั่น 2018 โดยผสานความสง่างามเข้ากับความเรียบง่าย และยังคงกลิ่นอายวินเทจ ด้วยกรอบหน้าปัดขนาด 37 มม. และกระจกหน้าปัดคริสตัลอะคริลิกมาพร้อมกับสายโลหะแบบถัก Milanese mesh ที่ทำให้นึกถึงนาฬิกายุคเก่า

 

 

 

ปิดท้ายที่รุ่น บารอนเชลลี่ ทรีลโลจี้ (Baroncelli Trilogy) นาฬิกาที่มีดีไซน์โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงงานออกแบบตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคตของมิโดได้ดียิ่งกว่ารุ่นใด โดยในปีนี้ได้มีการออกรุ่นลิมิเต็ดออกมา 3 แบบด้วยกัน โดยยังคงเอกลักษณ์ของหน้าปัดขนาด  38 มม. โดดเด่นด้วยเข็มนาฬิการูปทรงใบไม้ทั้งสามแบบในรูปลักษณ์ที่ต่างกัน เพื่อเผยถึงบุคลิกลักษณะที่ต่างกันออกไป โดยรุ่นแรก 1,918 ที่มีรูปลักษณ์อันคลาสสิก ด้วยพื้นหน้าปัดสีงาช้างที่มีความคล้ายคลึงกับนาฬิกาในสมัยศตวรรษที่ 19, รุ่นถัดมา 2,018 ดีไซน์ร่วมสมัยสื่อถึงเมืองยุคใหหม่ ด้วยพื้นหน้าปัดสีขาวเรียบหรู และสายนาฬิกาสแตนเลสสตีลแบบห้าข้อ และสุดท้ายกับรุ่น 2,118 งานออกแบบที่มีความทันสมัยตามแบบฉบับของโลกอนาคตด้วยหน้าปัดสแตนเลส สตีล PVD สีดำ รวมถึงตัวเลขและเข็มสีดำ เพิ่มความหรูหราด้วยสายคอร์ดูร่าสีดำประดับด้วยหนัง ตัดสีสันด้วยเข็มวินาทีสีแดง สื่อถึงความมาสคิวลีนได้อย่างลงตัว

 



 

พบกับ ‘มิโด’ (Mido) นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss Made ได้แล้ววันนี้ที่ เคาน์เตอร์  ‘มิโด’ (Mido) เซ็นทรัล, โรบินสัน และเดอะมอลล์

 


 



 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้